IT Idea for Spiritization
การจัดการศูนย์คอมพิวเตอร์ - Computer Center Management
ต้อนรับแนะนำการใช้เว็บวัตถุประสงค์ของวิชาแผนการสอนตำราและหนังสือการคิดคะแนนสอบ
แนวทางการทำข้อสอบแนวทางการเขียนรายงานคำบรรยายรายชื่อนักศึกษาReading Materials
Discusstion ForumLinksQuestionCase Studies

Case Studies - กรณีศึกษาต่างประเทศ มหาวิทยาลัย Wake Forest

เมื่อปี 1995 มหาวิทยาลัย Wake Forest ได้ตัดสินใจในเรื่องที่มีผลกระทบต่อนักศึกษา และอาจารย์ทุกคน นั่นก็คือการกำหนดให้นักศึกษาระดับปริญญาตรีทุกคนต้องมี คอมพิวเตอร์แล็พท็อปสำหรับใช้ในห้องเรียนใด ๆ ก็ได้ ตามแผนงานที่ได้รับการอนุมัติจากทุกฝ่ายรวมทั้ง คณะกรรมการมหาวิทยาลัยด้วยนั้น นักศึกษาที่เข้าใหม่แต่ละคนจะได้รับคอมพิวเตอร์แล็พท็อปจาก มหาวิทยาลัย และเมื่อขึ้นชั้นปีที่สามแล้วนักศึกษาแต่ละคนจะต้องคืน เครื่องคอมพิวเตอร์ให้มหาวิทยาลัยแล้วรับเครื่องใหม่ไปใช้ เครื่องนี้นักศึกษาจะได้เป็นสมบัติไปใช้หลังจบการศึกษาไป แล้วด้วย ค่าลงทะเบียนเรียนจะเพิ่มขึ้นสำหรับเป็นค่าคอมพิวเตอร์และค่า บริการดูแลคอมพิวเตอร์

มหาวิทยาลัยได้กำหนดมาตรฐานทางด้านคอมพิวเตอร์สำหรับจัดซื้อเครื่อง คอมพิวเตอร์ให้แก่นักศึกษา เช่นนักศึกษารุ่นหนึ่งจะมีเครื่อง ThinkPad 380D ซึ่งประกอบด้วยหน่วยความ จำขนาด 32 MB จานแม่เหล็กขนาด 1.3 GB ใช้ตัวประมวลผลเพนเตียมความเร็ว 150 MHz มีแผ่นวงจรอีเธอร์เน็ต โมเด็มขนาดความเร็ว 33.6 Kbs มีเครื่องขับแผ่นซีดีรอมขนาดความเร็ว 8X เครื่องขับแผ่นดิสเก็ตต์ และ จอภาพขนาด 12 นิ้ว ส่วนซอฟต์แวร์มาตรฐานก็ได้แก่ Windows 95, Microsoft Office 97, Lotus Notes groupware พร้อม อีเมล์ และ ซอฟต์แวร์อื่น ๆ เพื่อให้เครื่องของนักศึกษาและอาจารย์ทำงานร่วม กันได้ จึงได้มีการออกแบบโปรแกรมบทเรียนและระบบสำหรับใช้ กรอกข้อมูลด้วยโลตัสโน้ตส์ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยเรียกว่าเป็น Wake Forest Template นักศึกษาและอาจารย์ใช้ระบบนี้ในการเข้าถึงเว็บเพจ และใช้ เขียนรายงานส่งอาจารย์ เขียนความเห็นต่าง ๆ เกี่ยวกับผลงานของนักศึกษาคนอื่น และ เข้าร่วมในการอภิปรายระหว่างกัน นอกจากนั้นระบบนี้ยังเอาไว้ ให้อาจารย์ใช้สำหรับงานของอาจารย์เช่นการทำวิจัยและใช้ ในงานประชุมคณะกรรมการ

การใช้คอมพิวเตอร์แล็บท็อปทำให้ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่ มากพอ ก่อนหน้าที่จะมีการแจกจ่ายคอมพิวเตอร์ให้นักศึกษาปีหนึ่งในปี 1996 ได้มีการตระเตรียมเต้าเสียบสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์เอาไว้ใน หอพักนักศึกษา ในห้องทำงานอาจารย์ และในห้องเรียนหลายห้อง เมื่อนักศึกษาสำเร็จการ ศึกษาในปี 2000 ก็จำเป็นจะต้องอัพเกรดเครือข่ายให้รองรับปริมาณข้อมูล ที่จะสื่อสารในระบบ และ รองรับมัลติมีเดียได้ด้วย นอกจากนั้นยังต้องเตรียมโครง สร้างพื้นฐานบุคลากรด้วย มีการจัดเตรียมบุคลากรไว้สี่กลุ่ม กลุ่มแรกก็คือกลุ่มห้องสมุด และ กลุ่ม Help Desk ซึ่งจะช่วยในการฝึกอบรม กลุ่มที่สองคือที่ปรึกษา นักศึกษารวม 20 คนสำหรับให้คำปรึกษาแก่นักศึกษาในหอพัก กลุ่มที่สามคือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนอีก 14 คนสำหรับช่วยเหลืออาจารย์ และกลุ่มที่สี่ก็คือที่ปรึกษาด้าน เทคนิคสำหรับอาจารย์ที่เริ่มต้นสนใจช้าแต่ละคน

ภายในสองสามปีเท่านั้น การใช้คอมพิวเตอร์ก็แพร่กระจายออก ไปตามภาควิชาต่าง ๆ การประยุกต์ทางด้านวิทยาศาสตร์มีทั้งการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อ มูล การใช้ซอฟต์แวร์จำลองแบบในการทดลอง การใช้ซอฟต์แวร์ทางคณิต ศาสตร์สำหรับการแสดงภาพ (Visualization) คณะวิชาทางด้านศิลปศาสตร์และมนุษยศาสตร์ก็ใช้งาน คอมพิวเตอร์ได้หลายแบบรวมทั้งด้านมัลติมีเดีย การจัดทำภาพลักษณ์ของงานศิลปกรรม การใช้คีย์บอร์ดและโปรแกรม MIDI สำหรับงานดนตรี การแนะนำงานด้านวัฒนธรรมและการฝึกทักษะ ทางภาษา

การใช้งานในปีแรก ๆ ทำให้ได้บทเรียนหลายอย่าง แรกสุด ก็คือควรตั้งต้นที่วัตถุประสงค์ทางด้านการศึกษายิ่งกว่า จะถามว่า “จะเอาคอมพิวเตอร์ไปทำอะไร” การกำหนดมาตรฐานทางด้าน ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เป็นเรื่องสำคัญเพราะช่วยลดต้นทุนและ ทำให้การฝึกอบรมง่ายขึ้นมาก การเพิ่มค่าลงทะเบียนไม่ทำให้จำนวนนักศึกษาลดลงเพราะ การศึกษากลับดีขึ้น ปริมาณการใช้เครือข่ายเพิ่มขึ้นมาก การใช้อีเมล์เพิ่มขึ้นมาก จนต้องมีการควบคุม การฝึกอบรม การจัดทำระเบียบปฏิบัติ และการจัดหาพนักงานให้พอ เพียงสำหรับงานสนับสนุนเป็นเรื่องจำเป็นมาก การใช้คอมพิวเตอร์ในทางผิดก็มีเหมือนกัน แต่โดยภาพรวม แล้วจำเป็นที่ผู้เกี่ยวข้องในมหาวิทยาลัยจะต้องมี commitment ทั้งทางด้านเวลาและแรงงาน

คำถาม

  • ในกรณีนี้แนวคิดด้านโครงสร้างพื้นฐาน บริบท และ ความเสี่ยง มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์การนำคอมพิวเตอร์มาใช้ อย่างไรบ้าง
  • ปัจจุบันมีโรงเรียนหลายแห่งที่นำเอาคอมพิวเตอร์และระบบอิน เทอร์เน็ตมาเชื่อมต่อไว้ในห้องเรียน จากกรณีศึกษานี้ ให้พิจาณาว่าอะไรเป็นตัวกำหนดว่าการลง ทุนในเทคโนโลยีนี้จะประสบผลสำเร็จ
  • การนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในห้องเรียนจะทำให้เกิดปัญหา อะไรบ้าง