Case
Studies
สัมภาษณ์
CIO - นายชาญยุทธ ปทุมารักษ์
รองอธิบดีและ
CIO ของกรมสรรพากร
การบริหารประเทศของรัฐบาล
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่จะทำให้ประเทศได้เจริญก้าวหน้าหรือไม่ คือ งบประมาณแผ่นดิน
โดยงบประมาณแผ่นดินดังกล่าวก็ได้มาจากการจัดเก็บภาษีประเภทต่างๆ เป็นส่วนใหญ่
กรมสรรพากรซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง จึงมีบทบาทสำคัญในฐานะเป็นกลไกของรัฐ
ในการบริหารประเทศชาติให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น นายชาญยุทธ ปทุมารักษ์
รองอธิบดีกรมสรรพากร จะได้มาบอกเล่าถึงประสบการณ์การทำงานที่กรมสรรพากร
และความคิดเห็นต่อไอทีในปัจจุบัน รวมถึงโครงการต่างๆ ที่เอื้อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี
ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้
ขอทราบวิสัยทัศน์ด้านไอทีของกรมสรรพากร
และการดำเนินการที่สำคัญๆ เพื่อก้าวสู่วิสัยทัศน์
เรามุ่งเน้นในเรื่องการให้การบริการผู้เสียภาษี
และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ที่ดูแลการจัดเก็บเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย
และรวดเร็วขึ้น โดยใช้ไอทีในการบริหารจัดเก็บภาษีและเพิ่มช่องทางการเสียภาษีแก่ประชาชน
อาทิเช่น การชำระภาษีผ่านสื่อคอมพิวเตอร์ หรือทางอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
นอกจากนี้การบริหารข้อมูลข่าวสารยังมีความจำเป็นและสำคัญมาก โดยเฉพาะการบริหารจัดเก็บ
เลขประจำตัวผู้เสียภาษีซึ่งเป็นฐานข้อมูลสำคัญของกรมสรรพากรซึ่งเป็นผู้สร้างระบบขึ้นมาทั้งหมด
แต่ในอนาคตข้างหน้า แนวโน้ม คือการพัฒนาไปสู่การใช้ ID CARD เพียงใบเดียวในการทำธุรกรรมต่างๆ
กับหน่วยงานราชการ เพื่อให้ประชาชนพกบัตรสำคัญๆ น้อยที่สุด นอกจากนี้ประโยชน์ทางอ้อมที่กรมสรรพากรได้รับ
คือช่วยป้องกันการมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีซ้ำซ้อนอีกด้วย โดย link
กับกระทรวงมหาดไทย ซึ่ง maintain ข้อมูล และฐานข้อมูลเดิมของกรมสรรพากรก็ปรับไปใช้ในงานอื่นแทน
ขอทราบการนำไอทีมาใช้ในการบริหารจัดการกรมสรรพากร
ขณะนี้ได้นำไอทีมาใช้ในส่วนของกองการเจ้าหน้าที่
โดยทำการจัดเก็บประวัติ ข้อมูลข้าราชการระดับ 7 ขึ้นไป เพื่อใช้ในการคัดเลือกเลื่อนระดับชั้น
หรือตำแหน่ง นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2537 เราเริ่มใช้ E-mail ในการรับส่งข้อมูลข่าวสารภายในหน่วยงาน
(Intranet) และยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน กรมสรรพากร
ได้มี web ในระบบอินเทอร์เน็ตเพื่อบริการผู้เสียภาษี
ประชาชนสามารถเสียภาษีได้ทางใดบ้าง
ในปัจจุบัน
มีทางเลือกในการเสียภาษีหลายช่องทาง ได้แก่ การชำระผ่านทางธนาคาร,
ทางไปรษณีย์, ทาง Web site, และการชำระผ่านสื่อ ในโครงการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วยสื่อคอมพิวเตอร์
โดยหน่วยงานหรือองค์กรสามารถยื่นความจำนงต้องการเสียภาษีตามโครงการนี้
จากนั้นกรมสรรพากรจะดำเนินการไปตาม flow ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการกรอกข้อมูลต่างๆ
ได้มาก
ภายหลังการอบรม
CIO ท่านมีแนวคิดอย่างไรในการนำไอทีมาพัฒนาในองค์กร
ขณะนี้เราอยู่ในช่วงศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมในการ
นำระบบ MIS เพื่อช่วยให้การบริหารจัดเก็บมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะที่ผ่านมา
การจัดเก็บยังไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก โดยเฉพาะผู้ประกอบการพาณิชย์
ซึ่งตามกฎหมายเป็นการยื่นแบบชำระภาษีโดยการประเมินตนเอง ส่วนมากมักจะไม่แจ้งรายรับที่แท้จริงแก่กรมสรรพากร
จึงต้องมีวิธีแก้ปัญหา โดยการส่งเจ้าหน้าที่สำรวจ ไปตรวจสอบ สังเกตปริมาณลูกค้าที่
เข้า-ออก สถานประกอบการนั้นๆ หากพบว่าตัวเลขภาษีเป็นเท็จจะมีการเชิญมาคุยยังกรมสรรพากรเพื่อชำระภาษีเพิ่มเติมย้อนหลังต่อไป
ฐานข้อมูลของผู้ประกอบการต้องเชื่อมกับกระทรวงพาณิชย์มากน้อยเพียงใด
ข้อมูลที่ได้จากกระทรวงพาณิชย์
คือ ผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคลเพราะจะมีการจดทะเบียน ทำให้ทราบรายละเอียดข้อมูลของบุคคลนั้นๆ
เพื่อเป็นเบาะแสในการติดตามประเมินเรียกเก็บภาษี ในส่วนของฐานข้อมูลผู้เสียภาษีของกรมสรรพากรนั้น
เราไม่สามารถเปิดเผยแก่บุคคลภายนอกทราบได้ เพราะมีบทบัญญัติตามมาตรา
10 ระบุไว้ชัดเจนตามประมวลรัษฎากรว่า ห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ เปิดเผยข้อมูลผู้เสียภาษีให้ผู้อื่นทราบ
ถือเป็นความผิด
โครงการที่นับว่าเป็น
Master Piece ของท่าน
มีหลายโครงการด้วยกัน
อาทิเช่น
- การนำไอทีมาช่วยเปรียบเทียบ
ข้อมูลแบบแสดงรายการภาษีเงินได้กับแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม
ซึ่งควรจะต้อง matching กัน เพื่อสังเกตความผิดปกติในการเสียภาษีของบุคคลนั้นๆ
และช่วยลดงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ในการไปสำรวจสถานประกอบการ
- ในปัจจุบันกรมสรรพากรให้ผู้เสียภาษีสามารถยื่นแบบผู้เสียภาษีต่างท้องที่ได้
โดยมีการ online ทั่ว กทม. ซึ่งเราสามารถ update ได้ เมื่อสิ้นวันนั้นๆ
โดยในอนาคตจะต้องสามารถทำให้เป็น real time ทั่วประเทศ
- การจัดการ
Review IT Master Plan ของกรมสรรพากร โดยเชิญอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยกรมสรรพกร
ได้แก่ รศ.ดร. วิชิต หล่อจีระชุณห์กุล, รศ. ยืน ภู่วรวรณ, ดร.
โชติวิทย์ ชยวัฒนางกูร เพื่อให้เหมาะสมกับงานของกรมสรรพากรและการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี
รวมถึง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของกรมสรรพากรที่มีอยู่
- เป็นผู้ควบคุม
Implement PINTHIP ระบบเลขประจำตัวผู้เสียภาษี เพื่อทดแทนระบบ
DG (Data General) เดิมที่ยกเลิกไป โดยได้นำเทคโนโลยีใหม่ คือ
OO (Objected Oriented) และ Web เทคโนโลยี มาใช้ในระบบนี้และขยายระบบจากเดิมที่ใช้เฉพาะในเขตกรุงเทพฯ
และปริมณฑล เป็นการใช้ทั่วราชอาณาจักร ทั้งนี้ จะต้องมีการปรับปรุงระบบเครือข่ายสายสัญญาณกรมสรรพากรให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
- พัฒนาระบบรายงานการจัดเก็บภาษีอากรทั่วราชอาณาจักร
โดยการเก็บข้อมูลจากเครื่องบันทึกการเก็บเงิน (POS) Online มายังส่วนกลาง
(รายงาน บช.5) เป็นรายวัน ซึ่งขณะนี้กำลังทดลองอยู่ 67 เขต/อำเภอ
(เขตในกรุงเทพฯ และปริมณฑล) ซึ่งเมื่อขยายระบบเครือข่ายแล้ว น่าจะทำได้ทั่วประเทศ
จะสามารถทำให้การติดตามการจัดเก็บของกรมสรรพากรได้รวดเร็วและเป็นประโยชน์ต่อผู้บริหารมากในระดับกรมฯ
ภาค และจังหวัด
- ควบคุมการจัดทำ
TOR ของระบบงานคอมพิวเตอร์ของกรมสรรพากรให้แล้วเสร็จ เพื่อประกวดราคา
โดยจัดทำเป็นระบบๆ เช่น
- ระบบเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร
(TIN)
- ระบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
(PIT)
- ระบบภาษีเงินได้นิติบุคคล
(CIT)
- ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม
(VAT)
- ระบบภาษีธุรกิจเฉพาะ
(SBT)
- ระบบทะเบียนคุมรายการและการทำบัญชี
(TCL)
- ขอทราบการเตรียมความพร้อมของกรมสรรพากรในเรื่องการเก็บภาษีผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
การจัดเก็บภาษีของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
คงไม่แตกต่างไปจากการจัดเก็บภาษีในด้านอื่นๆ เพียงแต่หาหลักเกณฑ์ให้สถาบันการเงิน
เช่น ธนาคารพาณิชย์ สถาบันบัตรเครดิต (American Express, VISA Card)
ทำรายงานผลการโอนเงินธุรกรรมให้กรมสรรพากร ทั้งนี้ จะต้องศึกษาวิธีการจัดเก็บข้อมูลและจำนวนเงินที่เกิดการโอนบน
Electronic ให้ละเอียดอีกครั้ง
ขอทราบแนวทางการประสานกับ
CIO ในฐานะประธานรุ่นที่ 8
ผมมีความคิดเห็นว่า
รูปแบบในการจัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ CIO ซึ่งจัดโดยสำนักงาน ก.พ.
และเนคเทค น่าสนใจและเป็นประโยชน์มาก เพราะนอกจากจะได้ประโยชน์จากการสัมมนาแล้ว
ยังทำให้การประสานงานระหว่างผู้บริหาร (CIO) สะดวก รวดเร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยในเรื่องการบริหาร
เนื่องจากการแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือวิสัยทัศน์ในหลายๆ มุมมองช่วยให้เรามีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลขึ้น
ท่านมีอะไรจะฝากถึง
CIO ท่านอื่นหรือไม่
ผมยินดีที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับหน่วยงานอื่นๆ
ในทุกเรื่อง
ท่านมีคติในการทำงานอย่างไร
ต้องชนะตัวเองก่อนจึงจะชนะผู้อื่นได้
|